top of page

Phuket Trail 2024 การแก้มือในระยะใหม่ที่เกือบไม่ได้เริ่ม!

  • คุณแหนด
  • Jul 5
  • 2 min read

ขอท้าวความไปถึง งานวิ่งงานแรก ในชีวิตสักหน่อยนะคะ งานนั้นคือ Phuket Trail 2023 - The Jungle ซึ่งเป็นงานที่ทำให้ฉันได้รับบทเรียนอันแสนมีค่า (คือ เลกกิ้งไนกี้ราคาสองพันกว่าบาทที่ตูดขาดรูใหญ่เว่อร์ และรองเท้า Saucony สีขาว ราคาเกือบสองพัน ที่เยินเป็นสีขี้และพังจนใส่ต่อไม่ได้) และนำพาฉันเข้าสู่วงการงานวิ่งอย่างเต็มตัว หลังจากแหกไม่เป็นท่าแต่ก็จบระยะ 10 โล (ปลอม...ชิส์ ของจริงวิ่งเกิน) มาได้ ฉันปักธงในใจเลยว่าจะต้องกลับมาแก้มือที่งานนี้อีก เพราะนอกจากใกล้บ้าน (ในตอนนั้น) แล้ว เส้นทางยังสวยน่าวิ่งมากๆ อีกด้วย


แต่...ผ่านไป 1 ปี จะให้กลับไปวิ่งระยะเดิม ก็ยังไงอยู่นะ และที่จริงผู้จัดเค้าก็ได้อัพเกรดระยะ 10K ในปี 2023 มาเป็น 15K ในปี 2024 แล้วด้วย ซึ่งสมควรค่ะ! บอก 10 แต่วิ่งจริง 14 กว่า คุณหลอกดาว! ฉันจึงเกิดผยอง คิดว่างั้นลง 25K เลยแล้วกัน! มากกว่าเดิมแค่ 10 โลหน่อยๆ เอง มีเวลาซ้อมหลายเดือน เราต้องเอาอยู่!


ก่อนจะถึงงานนั้น ฉันก็ได้ลงสมัครงานเทรลอื่นๆ ในระยะที่สั้นกว่าเพื่อเตรียมความพร้อมให้ร่างกาย เช่น พรหมโลกเทรล ระยะ 12K สมุยเทรล ระยะ 15K และซ้อมตามตารางอย่างเคร่งครัด (ตารางนี่ฉันใช้แอพ Runna ออกแบบให้นะคะ ไม่ได้มีโค้ช) ฉันมั่นใจมากว่าสะสมระยะทาง ระยะไต่ และความอึดถึกทนมาอย่างเพียงพอ...


อย่างเดียวที่สะสมไม่พอน่าจะเป็นบุญ


เกือบสองสัปดาห์ก่อนวันแข่ง ฉันเอาอาหารที่ทานไม่หมดจากวันก่อนมาอุ่นกิน เป็นผัดผักรวม ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าต้องระวังเรื่องกินเพราะใกล้วันแข่ง ฉันจึงอุ่นแบบ อุ๊นนนนน แบบเดือดแล้วเดือดอีกจนผักหด แต่ก็นะ...คนมันจะซวยก็คือซวย ในผัดผักนั้นดันมีเห็ดฟาง ซึ่งฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่าการเอาเห็ดฟาง (หรือจริงๆ เห็ดใดๆ นั่นแหละ) มาอุ่นกินซ้ำอาจทำให้ท้องเสียได้ เพราะมันมีเชื้อราสะสมจากการที่เราเก็บใส่ตู้เย็น ซึ่งฆ่าไม่ตายด้วยการอุ่น (หรือฉันอุ่นไม่ดีพอเองก็อาจะเป็นได้)


สรุป เลยได้ taper (ผ่อนการซ้อมในช่วงใกล้วันแข่ง) ด้วยอาการท้องบิดท้องเสียด ปวดแสบท้อง หมดแรง จนต้องไปนอนโรงพยาบาลด้วยข้อหา ติดเชื้อราในกระเพาะอาหาร กินน้ำเกลือแทนข้าว นอนอืดไปเลย 1 สัปดาห์เต็มๆ ได้ออกจากโรงพยาบาล 2 วันก่อนวันแข่งพอดี กรรมมมมมม! เกือบจะไม่ได้แข่งแล้วค่ะ


• นอนใส่ชุดสวยผูกโบว์เลยค่ะ แอดมิทสิคะ ฮือออ
• นอนใส่ชุดสวยผูกโบว์เลยค่ะ แอดมิทสิคะ ฮือออ

ทีนี้ เอาจริงๆ มันก็ไม่ใช่แค่ป่วยนะ เพราะลึกๆ แล้วฉันวิตกกังวลสูงมาก กลัวมากว่าตัวเองจะวิ่งไม่จบ 25K เพราะเคยซ้อมไกลสุดก็แค่ 16K เท่านั้น ตลอดเวลาตั้งแต่นอนโรงพยาบาลไปจนถึงวันรับ bib เลยไปจนถึงวินาทีที่ยืนหน้าจุดสตาร์ท ฉันแอบสติแตกอยู่เงียบๆ ในทุกขณะจิต สมองคิดไปต่างๆ นานาว่าถ้าจะขอ DNF จะลงท่าไหนได้บ้าง และทำใจไว้แล้วว่าถึงไม่จบก็ไม่เป็นไร ขอให้ได้กลับมาลองแก้มือ


ที่สำคัญ งานนี้เป็นงานแรกที่ฉันจะเริ่มวิ่งก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ในป่าดิบชื้นของภาคใต้ จะมีแค่แสงไฟจากหน้าผากของเราเท่านั้นที่ส่องให้เห็นทาง ยิ่งกังวลหนักขึ้นไปอี๊ก ตอนที่แตรดังและนักวิ่งทุกคนออกตัวไปพร้อมๆ กัน ในใจฉันมีแต่ความสงสัยในตัวเอง ความกลัว ความประสาทแดก ปนเปกันไปหมดค่ะ


แต่พอเริ่มวิ่งไปได้ซักพัก...ฉันก็ค้นพบข้อดีของการวิ่งตอนมืด คือ การที่เรามองไม่เห็นอะไรเลยนั้น ทำให้เราโฟกัสอยู่แค่ในรัศมีลำแสงไฟไม่กี่เมตรข้างหน้า และไม่ต้องมองเห็นเนินยักษ์ต่างๆ ที่นอนรอเราอยู่ข้างหน้าค่ะ 🤣 เมื่อไม่เห็น ก็ไม่กังวลสิคะ เท้าแตะตีนเนินเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน คือจริงๆ ถ้าเราพยายามมองไกลๆ หน่อยก็อาจจะเห็นลำแสงไฟของนักวิ่งข้างหน้าค่อยๆ ไต่ระดับสูงขึ้น เป็นสัญญาณบอกว่ามีเนิน แต่การวิ่งเทรลแบบนี้มันมองไกลมากไม่ได้ เพราะเราต้องคอยดูพื้นที่จะเหยียบลงไปว่ามีอะไรดักให้สะดุดหรือเปล่า ดังนั้นเราก็อย่าไปมองไกลค่ะ บอกตัวเองว่า เนินน่ะ ถ้ายังไม่เห็นก็คือไม่มี! นะ!!


• ยิ้มได้สิคะ ไม่เห็นเนิน ไม่มองค่ะ มองแล้วเสียกำลังใจ ฮ่าๆ
• ยิ้มได้สิคะ ไม่เห็นเนิน ไม่มองค่ะ มองแล้วเสียกำลังใจ ฮ่าๆ

อะทีนี้ค่อยพอสนุกขึ้นมาละ อีกอย่างที่ทำให้ฉันค่อยๆ ลดความกลัวลงไปก็คือ ระหว่างที่วิ่งๆ อยู่นั้น ฉันได้เจอเพื่อน 2-3 คน ที่เจอกันในงาน สมุยเทรล เมื่อ 2 เดือนก่อน ทำให้เราเม้ามอยกันอย่างสนุกสนาน แถมเพื่อนยังเล่าให้ฟังว่านางก็เพิ่งเป็นไข้หวัดใหญ่ก่อนวันแข่งไม่นาน ไปแวะนอนโรงพยาบาลมาเหมือนกัน ฉันเลยใจชื้นขึ้นมาก และได้อาศัยพลังบวกจากพวกเขานี่แหละ ค่อยๆ ดันตัวเองขึ้นเนินไปเรื่อยๆ และยิ่งเห็นเพื่อนสู้ทั้งๆ ที่ร่างกายยังไม่ฟื้น 100% ฉันก็ยิ่งมีกำลังใจสู้ไปด้วยค่ะ


แต่จะสู้แค่ไหน ก็ต้องประมาณสังขารนะคะ ดังนั้น คาถาประจำงานนี้ของฉันคือ พักเมื่อไม่ไหว และให้เวลากับการพัก นั่นคือ วิ่งเมื่อวิ่งได้ เช่นบนทางเรียบ หรือบนเนินที่ไม่ชันโหดร้ายมากนัก เดินเมื่อวิ่งไม่ไหว และพักที่จุดให้น้ำทุกจุด ซึ่งงานนี้ ถ้าจำไม่ผิด จุดให้น้ำบางทีอยู่หางกัน 5-7 กม. เลยก็มี ดังนั้นพอมีโอกาสแวะฉันจึงแวะอย่างเต็มที่ค่ะ โดยเฉพาะที่จุดพักหลัก ซึ่งจะมีอยู่ 1 จุดตลอดระยะทาง 25 กม. นี้ ที่จุดนี้จะมีครบทั้งน้ำ เกลือแร่ อาหาร ผลไม้ ห้องน้ำ จุดปฐมพยาบาล และเสบียงใดๆ ที่จุดนี้ฉันแวะแบบจริงจังมากค่ะ ถอดรองเท้า ถุงเท้า เอาน้ำมันมวยนวดขา กินข้าวต้มเติมแรง กินกล้วย กินแตงโม เติมน้ำใส่เป้ เติมเกลือแร่ เอาให้ชัวร์ว่าพร้อม ใช้เวลาไปเกือบ 15 นาที แต่ก็ยอมค่ะ เพราะกลัววิ่งไม่จบ


ซึ่งฉันว่าวิธีนี้มันเวิร์ค เพราะหลังจากออกตัวอีกครั้ง ฉันรู้สึกยังกะได้ร่างใหม่ วิ่งฉิวแบบตกใจตัวเองอะคุณ พลังจากหม้อข้าวต้มแผ่ซ่านไปทุกเซลล์ คาร์บสูบฉีด อิเล็กโทรไลท์ทำงาน น้ำตาลในเลือดไม่ตก ขาไม่ปวด อัยยะ! ยังกะจะบินได้ ฉันวิ่งแซงนักวิ่งไปหลายคนเลยในครึ่งหลัง ยิ่งเป็นทางลงเขายิ่งทำความเร็วได้ดี ซึ่งฉันว่าหลักๆ เลยเป็นเพราะฉันพักขามาแล้ว ไม่งั้นบินลงแบบนี้ไม่ได้ หน้าขาจะไหม้เอาค่ะ


ส่วนเส้นทางของ Phuket Trail 2024 นี้ ก็ไม่ต้องอธิบายให้มากความ ยังคงความทารุณเหมือนปี 2023 นั่นแหละ มีทั้งโคลน ทั้งหิน ทั้งเถาวัลย์ห้อยพร้อมฟาดหัว ทั้งรากไม้สั้นๆ แทงออกมาจากพื้น ทั้งต้นไม้หนามฟูที่ถ้าเผลอถลาไปเกาะคือกลับบ้านค่ะ แต่ในความโหดร้ายนี้มันยิ่งทำให้ฉันได้เห็นมิตรภาพระหว่างนักวิ่ง ที่ล้วนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และได้เจอเรื่องน่ารักๆ ตลอดทาง


อย่างเช่น มีช่วงหนึ่งเป็นทางลงเนินที่ชันมากและลื่นมาก พื้นเป็นโคลนนุ่มลื่นพร้อมดื่มมาก ซึ่งเราสามารถลงเนินนี้ได้ 2 แบบ แบบแรกคือเสี่ยงพุ่งตัวไปเกาะต้นไม้ (เช็คแล้วไม่มีหนาม) แล้วไต่กิ่งไม้ลงมา หรือค่อยๆ นั่งยองแล้วกระดึ๊บๆ เท้าลงมาเอา ฉันเลือกไปแบบแรก และพอฉันลงมาจากเนินสำเร็จ นักวิ่งที่ลงมาพร้อมๆ กันก็พากันยืนรอ เพื่อคอยบอกคนที่มาทีหลังว่าให้ลงเนินยังไง จะได้ไม่ต้องเจ็บตัวกัน ซึ่งมันเสียเวลานะ แต่เค้าก็ช่วยกันอะ กลายเป็นว่าใครที่ลงเนินนี้เสร็จก็จะยืนรออยู่แป๊บนึงเพื่อบอกคนที่มาทีหลัง อบอุ่นจนอดยิ้มอ่อนไม่ได้อะคุณ


และพอวิ่งไปอีกหน่อย ถึงจุดที่ต้องปีนขึ้นโขดหินสูงเมตรกว่า ฉันเจอนักวิ่งหญิงรองเท้าพื้นหลุด แถมขาเจ็บ กำลังยืนคิดว่าจะขึ้นไอ้ก้อนหินนี้ยังไง ฉันจึงโดดขึ้นไปก่อนและยื่นมือไปช่วยฉุดเค้าขึ้นมา ตอนฉุดตัวเองก็เกือบหน้าทิ่มเหมือนกันแต่เราก็พากันขึ้นมาจนสำเร็จนะ แล้วเราก็วิ่งต่อไปด้วยกันสักพักใหญ่ๆ เลย พยายามดันกันไปให้ทันเวลา cut-off ก่อนที่เค้าจะบอกให้ฉันล่วงหน้าไปก่อนเพราะขาเค้าเจ็บ ฉันไปถึงเส้นชัยก่อนและเห็นเค้าวิ่งเข้ามาก่อนเวลา cut-off แป๊บเดียว เลยเข้าไปแสดงความยินดี เราเลยเม้ามอยกันและขอบคุณกันที่ช่วยประคองกันมา มันดีมากอะ


ช่วงก่อนเข้าเส้นชัย ฉันวิ่งตีคู่มาพร้อมคุณนักวิ่งชายคนหนึ่ง ซึ่งเค้าดูแรงไม่ตกเลยคุณ ฉันเลยจะแรงตกด้วยไม่ได้ สุดท้ายเราเลยเหมือนทั้งวิ่งแข่งกัน ทั้งวิ่งช่วยกัน สลับกันนำ สลับกันตาม แต่ก็พากันไปจนถึงเส้นชัย โดยที่ไม่ได้คุยอะไรกันซักคำ แค่ยิ้มให้กันระหว่างทาง และยิ้มกว้างให้กันอีกหนึ่งทีตอนวิ่งจบ


ฉันคิดว่า แม้ว่าเราอาจจะไม่ได้เจอกันอีกในชีวิตนี้ แต่อย่างน้อยมันคือดีที่เราได้มอบความรู้สึกดีๆ ให้เพื่อนนักวิ่ง ท่ามกลางการวิ่งเทรลที่โคตรเหนื่อยและโคตรทรมาน มันเป็นมิตรภาพระยะสั้นที่น่ารักนะ และแทบจะทุกงานที่ไป ระหว่างทางทุกคนจะบ่นกันว่า "นี่กรูมาทำอะไรที่นี่วะ" แต่พอใกล้ถึงเส้นชัยก็จะคุยกันว่า "งานหน้าพี่ไปที่ไหนคะ" (นักวิ่งเทรลเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยเข็ด!) คือนอกจากเจลแล้ว เพื่อนนักวิ่งนี่แหละคือแหล่งพลังงานชั้นดีอีกอย่างนึงเลย


• คุณนักวิ่งชายที่วิ่งมาด้วยกันช่วงก่อนเข้าเส้นชัย รูปถ่ายช่วงนี้ถ่ายคู่พี่เค้าตลอดอะ เกาะกันไปจริงๆ
• คุณนักวิ่งชายที่วิ่งมาด้วยกันช่วงก่อนเข้าเส้นชัย รูปถ่ายช่วงนี้ถ่ายคู่พี่เค้าตลอดอะ เกาะกันไปจริงๆ

• สภาพก่อนเข้าเส้นชัย ยังครบ 32 มีสติสัมปชัญญะครบถ้วน ไม่บุบสบาย ถือว่าแก้มือจากปีที่แล้วสำเร็จ
• สภาพก่อนเข้าเส้นชัย ยังครบ 32 มีสติสัมปชัญญะครบถ้วน ไม่บุบสบาย ถือว่าแก้มือจากปีที่แล้วสำเร็จ

สุดท้าย ฉันก็วิ่งจนจบ 25K ในเวลา 8 ชั่วโมง (ใช่ค่ะ 8 ชั่วโมง! เท่ากับเวลาที่คุณควรนอนหลับในแต่ละคืน) กับอีก 4 นาทีและ 31 วินาที ไต่ความสูงสะสมไปทั้งหมด 1,313 เมตร ในสภาพไม่บุบสลาย กางเกงไม่ขาด รองเท้าไม่พัง ไม้โพลไม่หัก วิ่งเสร็จไม่ต้องไปนอนตายตัวเย็นที่ร้านกาแฟเหมือนปีก่อน ได้อันดับเท่าไหร่ไม่รู้ ไม่ได้จำแล้ว รู้แค่ว่าอันดับหนึ่งของนักวิ่งหญิง เป็นนักวิ่งรุ่นอายุเดียวกับฉัน ใช้เวลาไปแค่ 4 ชั่วโมง 40 นาที กับ 40 วินาที บอกแล้วไง...ฉันไม่รีบ เน้นพัก แหะๆ ส่วนสามีฉันขึ้นโพเดียมรับถ้วยไปตามระเบียบค่ะ


ถามว่าวิ่งเทรล 8 ชั่วโมงแบบนี้แล้วได้อะไร...ฉันว่า ได้ความมั่นใจ จะแบบถูกๆ หรือแบบผิดๆ ก็ไม่รู้นะ แต่เอาเป็นว่ากลับถึงบ้านคืนนั้น ฉันกดสมัครวิ่ง Ayudhya Allianz World Run ระยะฮาฟ มาราธอน 21.1K ทันที แล้วก็ไม่เคยวิ่งฮาฟ มาราธอน มาก่อนด้วยนะ สมัครไปโดยไม่ได้ถามเพื่อนถามผัว ไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง คิดแค่ว่า เทรล 25 โลยังผ่านมาแล้ว! เห็นมะ นักวิ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยเข็ด!







Comments


ใช้ตีนคิด

think with your feet

  • strava
  • Instagram

© 2035 by Poise. Powered and secured by Wix

bottom of page